Symphony Communication Public Company Limited

Blog

เชื่อมต่อ Huawei Cloud อย่างมั่นใจ ด้วยบริการ Huawei Direct Connect จาก SYMPHONY

ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจต้องพึ่งพา Cloud Computing มากขึ้น การเชื่อมต่อที่มีความปลอดภัย เสถียร และมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ  

Huawei Direct Connect จาก SYMPHONY เป็นบริการโครงข่ายที่สามารถเชื่อมต่อตรงจาก On-premises สู่ Huawei Cloud แทนการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต เพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ 

จุดเด่นบริการ 

  • เพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลผ่านทาง Private Network ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ 
  • การรับส่งข้อมูลที่มีเสถียรภาพและคุณภาพสูงกว่าการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต 
  • มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเพิ่มความเร็วของโครงข่ายได้ตามต้องการเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ 
  • รองรับการเชื่อมต่อ Hybrid Cloud ระหว่าง On-Premises และ Huawei Cloud  

ทำไมต้องเลือกใช้ Huawei Direct Connect จาก SYMPHONY 

  • SYMPHONY เป็นพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการรับรองจาก Huawei Cloud การันตีด้วยทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ มั่นใจได้ในคุณภาพและความเชี่ยวชาญ 
  • เชื่อมต่อตรงกับ Huawei Direct Connect location ทุกจุดในประเทศไทย  
  • บริการที่ครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบโซลูชัน ติดตั้ง และบริการหลังการขาย One-Stop Service 
  • ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย SDN-MPLS มาใช้ในการบริหารจัดการโครงข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมีความหน่วงต่ำ (Latency ต่ำ) 
  • SYMPHONY มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณมั่นใจว่าระบบเครือข่ายของคุณได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง 

เริ่มต้นใช้งานวันนี้! เพื่อยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจคุณทันที 

อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติม 

Cloud@symphony.net.th หรือโทร 02 101 1111  

📱LINE OA : @symphonycomm  

#ExcellentExperience 

#SymphonyCommunication 

#DirectConnect 

Managed Endpoint Detection and Response (MEDR) 

ในปัจจุบัน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มาจากช่องทางต่างๆ เช่น อีเมล เว็บไซต์ และช่องทางออนไลน์อื่นๆ มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน หลายองค์กรยังขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Symphony Communication ขอนำเสนอบริการ Managed Endpoint Detection and Response (MEDR) ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับองค์กร โดยมีบริการหลักดังนี้: 

  1. ตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ 
    ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจจับและแจ้งเตือนภัยคุกคามบนอุปกรณ์ Endpoint ทันทีที่พบ 
  1. ตอบสนองต่อภัยคุกคาม 
    ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการจัดการกับภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น 
  1. บริหารจัดการแบบ 24/7 
    มั่นใจในความปลอดภัยด้วยทีมงานที่พร้อมดูแลระบบของคุณตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน 
  1. รายงานและวิเคราะห์ภัยคุกคาม 
    จัดทำรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ตรวจพบ พร้อมคำแนะนำเพื่อพัฒนาระบบป้องกันในอนาคต 
  1. ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ 
    ช่วยองค์กรวางแผนและปรับปรุงมาตรการป้องกันภัยคุกคามในระยะยาว เพื่อความมั่นคงในทุกสถานการณ์ 

บริการ MEDR จาก Symphony Communication ช่วยให้องค์กรของคุณสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน พร้อมทั้งลดภาระงานและค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบความปลอดภัย และเรามอบการรับประกันภัยคุกคามของ Ransomware 

ติดต่อเราได้แล้ววันนี้ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDR และเริ่มต้นสร้างความปลอดภัยให้กับองค์กรของคุณ 

สามารถติดต่อเราได้ที่ Salessecurity@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111 

LINE Official: @symphonycomm 

SYMPHONY Managed Firewall Service: บริการดูแลและบริหารจัดการ Firewall แบบครบวงจร

องค์กรของท่านกำลังประสบปัญหาข้อจำกัดด้านบุคคลากรในการบริหารจัดการความปลอดภัยของระบบเครือข่ายอยู่หรือไม่ ?

Managed Firewall เป็นบริการเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดดังกล่าว ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเสริมความปลอดภัย และสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย : ลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์ Firewall
  • เสริมความปลอดภัย : ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานระบบเครือข่าย : กำหนดลำดับความสำคัญของแอปพลิเคชั่น จำกัดการใช้งานของแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นต่อองค์กร
  • จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ : เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายได้ตามข้อกำหนด
  • จัดทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ : เพื่อเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน ปรับปรุง วิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์และเเนะนำวิธีป้องกัน
  • ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ : บริหารจัดการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง

รับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญของ SYMPHONY เพื่อวางแผนด้านความปลอดภัยขององค์กรคุณได้แล้ววันนี้!

สามารถติดต่อเราได้ที่ Salessecurity@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE Official: @symphonycomm

ปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรด้วยบริการสำรองข้อมูลครบวงจรจาก SYMPHONY CLOUD

ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุด การสูญหายของข้อมูลไม่เพียงทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นต่อองค์กร ดังนั้นการมีระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นการลงทุนที่จำเป็นและไม่ควรมองข้าม

ทำไมต้องเลือกบริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD?

1. โซลูชั่นการสำรองข้อมูลที่ครบวงจร

บริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD ได้รับการดูแลและบริหารจัดการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พร้อมรองรับการสำรองข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด

2. การกู้คืนที่รวดเร็วและยืดหยุ่น

ผู้ใช้บริการสามารถกู้คืนไฟล์ได้ด้วยตัวเองผ่าน Self-Service Portal ทำให้การกู้คืนข้อมูลเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

3. ดูแลอย่างมืออาชีพ

ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลดำเนินไปอย่างราบรื่น

4. ความยืดหยุ่นในการปรับทรัพยากรตามความต้องการ

บริการสำรองข้อมูลมีความยืดหยุ่นในการรองรับการปรับเปลี่ยนทรัพยากรตามความต้องการขององค์กร

เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลบข้อมูลโดยไม่ตั้งใจและการโจมตีทางไซเบอร์หากไม่มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี ดังนั้นบริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD จะช่วยให้องค์กรของท่านสามารถฟื้นฟูข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง

คำถามที่พบบ่อย

ถาม: SYMPHONY CLOUD เข้าถึงข้อมูล M365 ของผู้ใช้บริการได้หรือไม่?

ตอบ: ข้อมูล credential สำหรับเข้าถึงข้อมูล M365 ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ดูแลระบบของผู้ใช้บริการเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า SYMPHONY ในฐานะผู้ให้บริการสำรองข้อมูลจะไม่มีข้อมูลดังกล่าว ทำให้การรักษาความปลอดภัยและการจัดการสิทธิ์อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้บริการแต่เพียงผู้เดียว

ถาม: หากต้องการกู้คืนไฟล์หรือข้อมูลบางอย่าง ผู้ใช้บริการสามารถทำเองได้หรือไม่?

ตอบ: SYMPHONY CLOUD มีระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการรีสโตร์ข้อมูลหรือไฟล์ใน Microsoft 365 ได้ด้วยตัวเองผ่าน Portal เพื่อความรวดเร็วในการกู้คืนข้อมูล

————————————————————

อย่าปล่อยให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรเสี่ยงต่อการสูญหาย ติดต่อ SYMPHONY  วันนี้พร้อมรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญ

สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE Official : @symphonycomm

การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตี DDoS

ในโลกดิจิทัลที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ, การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ  ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ( Artificial Intelligence) ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้จากพฤติกรรมของข้อมูลเพื่อระบุรูปแบบการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

การทำงานของ AI ในการตรวจจับ DDoS:

ระบบ AI ใช้การเรียนรู้ของเครื่องมือและอัลกอริธึมต่างๆ เพื่อระบุและจำแนกการโจมตี DDoS จากการใช้งานปกติบนเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบนี้สามารถวิเคราะห์ลักษณะของการใช้งานเครือข่ายในช่วงเวลาสั้นๆ และตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการโจมตี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ AI ในการป้องกัน DDoS: 

ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ AI สามารถปรับปรุงการตอบสนองต่อการโจมตี DDoS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจจับและการแจ้งเตือนที่รวดเร็วช่วยลดโอกาสในการเกิดความเสียหายและกระทบกระเทือนต่อเครือข่าย นอกจากนี้ AI ยังสนับสนุนในการพัฒนาแผนการป้องกันที่ชาญฉลาดและเฉพาะเจาะจงแบบต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและปรับตัวต่อการโจมตีได้ดียิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้ AI ในโลกจริง: 

ในการป้องกันเครือข่าย การใช้ AI ไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ที่การตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนในการป้องกันภัยคุกคามในอนาคต นี่คือการปฏิวัติวิธีการปกป้องเครือข่ายที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันเครือข่ายและดำเนินการธุรกิจได้อย่างราบรื่น ด้วยความสามารถนี้ การป้องกันการโจมตีจาก DDoS กลายเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้เครือข่ายของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามที่อาจสร้างความเสียหายได้ในอนาคต

การนำมาใช้ในเครือข่ายของเรา Symphony: 

บริษัท Symphony ของเราได้นำเทคโนโลยี AI และ ML จาก Nokia Deepfield Cloud Genome และ  Secure Genome ในการตรวจสอบ วิเคราะห์และป้องกันการโจมตีแบบ DDoS มาใช้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเรา เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบเครือข่าย ด้วยความสามารถของ AI ในการทำหน้านี่วิเคราห์เชิงลึก รวมถึงการประยุกต์ใช้ machine learning  ในระบบโครงข่าย ทำให้เราสามารถตรวจจับการโจมตีแบบ DDoS ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพของเครือข่ายที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าของเรา

📌 ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ 

ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th

Connect Your Business Worldwide with Symphony Communication

ในยุคที่โลกไร้พรมแดน การมีเครือข่ายที่เสถียรและรวดเร็วถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพาธุรกิจเติบโตสู่ระดับสากล บริการ International Network Connectivity จาก Symphony Communication ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และเกตเวย์ระหว่างประเทศ 8 แห่ง รวมถึงจุดให้บริการ (POP) 2 จุดในสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลก ช่วยให้ธุรกิจของคุณเชื่อมต่อข้ามพรมแดนได้อย่างเสถียรและราบรื่น เพื่อรองรับทุกความต้องการในยุคดิจิทัล 

8 เกตเวย์ระหว่างประเทศ เชื่อมโยงประเทศไทยกับเครือข่ายสากล 

Symphony Communication ให้บริการเกตเวย์ระหว่างประเทศ 8 แห่ง เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายสากล ผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายและปลอดภัย ด้วยการเชื่อมต่อที่มีความจุสูง ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักทั่วโลกหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามทวีปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกตเวย์เหล่านี้รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วและปลอดภัย เพื่อตอบสนองการดำเนินงานระดับโลกทุกประเภท 

2 จุดให้บริการ (POP) ในต่างประเทศ: สิงคโปร์และฮ่องกง 

Symphony Communication มีจุดให้บริการ (Point of Presence: POP) ตั้งอยู่ในสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสื่อสารที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย POP เหล่านี้ช่วยให้การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพสูง ด้วยเส้นทางการเชื่อมต่อที่สั้นและตรงไปยังจุดหมาย ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเครือข่ายทั่วโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

การมี POP ในสิงคโปร์และฮ่องกงทำให้ Symphony Communication สามารถให้บริการที่มีความหน่วงต่ำ (low latency) และความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อผ่านเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงโดยตรงไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ยังเสริมให้การเชื่อมต่อมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 

ทำไมต้องเลือก Symphony Communication สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ? 

ความน่าเชื่อถือและความต่อเนื่อง: ด้วยเส้นทางและเกตเวย์ที่หลากหลาย Symphony มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างประเทศของคุณจะมีความเสถียรในทุกสถานการณ์ 

ความเร็วสูงสุด: เครือข่ายของเราออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่ใช้แบนด์วิธสูง เช่น คลาวด์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

โซลูชันเฉพาะธุรกิจ: บริการของเราปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานในระดับโลก 

สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพด้วยเครือข่ายคุณภาพสูงจาก Symphony Communication ขยายธุรกิจของคุณไปสู่ระดับสากลได้อย่างง่ายดาย และขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จด้วยโซลูชันที่รวดเร็วและเสถียร 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  

หมายเลข 02 101 1111 

LINE Official: @symphonycomm

DDoS จากอุปกรณ์ IoT ” ภัยคุกคามใหม่บนโลกไซเบอร์

การโจมตีทางไซเบอร์แบบ Distributed Denial of Service (DDoS) กำลังพัฒนาและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การตรวจจับและป้องกันยากขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น การโจมตีเหล่านี้มักมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งถูกควบคุมจากระยะไกลด้วย botnet ที่เป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กเพื่อใช้โจมตี

ในปี 2023 รายงานจาก Nokia พบว่าการโจมตี DDoS จาก botnet ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การแพร่หลายของอุปกรณ์ IoT ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบปรับอากาศและไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล โปรโตคอล และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้น 

เทคนิคการโจมตีที่ทันสมัย การโจมตีด้วย DDoS รูปแบบใหม่ๆ ตรวจจับได้ยากขึ้น เนื่องจากสามารถมาจากทั้งภายนอกและภายในเครือข่าย ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล (Volumetric) โปรโตคอล (Protocol) และแอปพลิเคชัน (Application-layer) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและการจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจและองค์กร เนื่องจากการโจมตีเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรบกวนเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้หลายล้านคน ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) และองค์กรต่างๆ สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย DDoS ได้มากกว่า 100 ครั้งในแต่ละวัน แต่การโจมตีที่ถูกตรวจจับได้ถือเป็นเพียงส่วนน้อย เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับการโจมตีได้ทั้งหมด

แนวทางป้องกันการโจมตีจาก DDoS 

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์: ควรอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  2. ใช้ Firewall ที่มีประสิทธิภาพ: การติดตั้งและกำหนดค่า Firewall ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยตรวจสอบและปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์ได้
  3. ลงทุนในโซลูชันป้องกัน DDoS: การใช้บริการหรือโซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันการโจมตี DDoS จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้
  4. เสริมความปลอดภัยของผู้ใช้งานทั่วไป: ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี และระมัดระวังลิงก์หรือไฟล์ที่น่าสงสัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี

คำอธิบายศัพท์เทคนิค

DDoS: การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service คือการส่งข้อมูลมหาศาลไปยังเป้าหมายพร้อมกันจากหลายแหล่ง เพื่อทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ

Botnet: เครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กและควบคุมจากระยะไกล เพื่อใช้ในการโจมตี DDoS หรือกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายอื่นๆ

GitHub: แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการจัดเก็บและแชร์โค้ดโปรแกรม ซึ่งบางครั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลหรือโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการเจาะระบบ

การโจมตี DDoS จากอุปกรณ์ IoT ในปัจจุบันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การป้องกันและตรวจจับเป็นเรื่องยาก ธุรกิจและองค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อปกป้องเครือข่ายและข้อมูล

ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th

Line Official: @symphonycomm

ป้องกันองค์กรจากการโจมตี DDoS ด้วยการผสานเทคโนโลยีหลากหลาย

ในยุคที่การโจมตี DDoS มีความซับซ้อนและทวีความรุนแรงขึ้น โซลูชันความปลอดภัยแบบเก่าอาจไม่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป การผสานเทคโนโลยีหลายรูปแบบเข้าด้วยกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ปกป้ององค์กรจากการโจมตี DDoS ที่อาจทำให้ระบบหยุดชะงักและก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ

ในอดีต ผู้ให้บริการใช้ศูนย์คัดกรองข้อมูล (Scrubbing Centers) เพื่อป้องกันการโจมตี DDoS โดยกรองข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย หากพบว่าเป็นอันตรายจะถูกลบทิ้ง วิธีการนี้ประสบความสำเร็จและสามารถป้องกันการโจมตีในรูปแบบเดิมได้ดี แต่ด้วยการโจมตี DDoS ที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ขึ้น การตรวจจับและจัดการกลายเป็นเรื่องยากขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีที่ใช้ botnet ควบคุมอุปกรณ์ IoT ที่มีการปลอมแปลงที่อยู่ IP และส่งข้อมูลที่ถูกต้องตามโปรโตคอล ทำให้ Scrubber รุ่นเก่าไม่สามารถตรวจจับได้เพื่อรับมือกับการโจมตี DDoS ที่ซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบจะช่วยให้สามารถรับมือกับการโจมตี DDoS ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเตรียมพร้อมและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องระบบและข้อมูลขององค์กรจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น

การผสมผสานเทคโนโลยีหลายรูปแบบ

·       Behavioral Analytics: วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานและระบบ เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งบอกถึงการโจมตี

·       Threat Intelligence: ใช้ข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามเพื่อระบุรูปแบบการโจมตีที่กำลังเกิดขึ้น

·       Automation: ใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว

·       Cloud-based Security: ใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของคลาวด์ และความสามารถในการปรับขนาด เพื่อรองรับการโจมตีที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน

การพัฒนา ML Model (Machine learning) ที่มีความเฉพาะเจาะจง

  •  การฝึกอบรมโมเดลด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพสูง: ข้อมูลที่ใช้ในการฝึกอบรมโมเดลควรมีความหลากหลายและครอบคลุมรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกัน
  •  การปรับปรุงโมเดลอย่างต่อเนื่อง: โมเดล ML ควรได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคนิคการโจมตี
  • การใช้เทคนิค Deep Learning: เทคนิค Deep Learning สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนและค้นพบรูปแบบที่ซ่อนอยู่
  • ความร่วมมือระหว่างองค์กร: การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามระหว่างองค์กรต่างๆ จะช่วยให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้เร็วขึ้น
  •  การพัฒนามาตรฐานร่วมกัน: การมีมาตรฐานร่วมกันจะช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  •  การให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT
  •  การอัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกนำมาใช้ในการโจมตี
  • การใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์
  • การจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้อย่างเต็มที่

การรับมือกับการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service) รุ่นใหม่นั้นเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง การโจมตีเหล่านี้มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น และมักมุ่งเป้าไปที่หลายอุตสาหกรรมและองค์กรซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรง เมื่อการโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น วิธีการป้องกันแบบเดิมก็ไม่เพียงพออีกต่อไป

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามที่พัฒนาขึ้นเหล่านี้คือ การผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ และการพัฒนา ML Model (Machine Learning) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุและลดผลกระทบของการโจมตี DDoS โดยเฉพาะ,  การทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร และการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT เพื่อปกป้องระบบจากภัยคุกคามที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ
ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th
📱 Line Official: @symphonycomm

เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจด้วยบริการ Cloud

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยี Cloud ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันของธุรกิจ ในบทความนี้แสดงให้เห็นว่าบริการ Cloud สามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้าง

1. เพิ่มความยืดหยุ่นและรองรับการขยายตัว

บริการ Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดขนาดของทรัพยากรที่ต้องการใช้งานได้ตามความต้องการ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ด้วยจุดเด่นที่สามารถเพิ่มทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อธุรกิจต้องการเพิ่มทรัพยากรในช่วงเทศกาลหรือโปรโมชันพิเศษ ก็สามารถปรับขนาดได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ใหม่

2. เพิ่มความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล

บริการ Cloud มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด อาทิ การป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์และการสูญหายของข้อมูล

3. เพิ่มประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งาน

บริการ Cloud ถูกออกแบบให้สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ระบบไอทีขององค์กรไม่หยุดชะงักและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

4. การลดภาระการดูแลระบบ

บริการ Cloud ช่วยลดภาระในการดูแลและจัดการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นในการพัฒนาธุรกิจและทักษะของบุคลากรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สรุปการใช้ Cloud ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร แต่ยังช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากองค์กรของคุณยังไม่ได้ใช้งาน Cloud นี่คือเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

รับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญของ SYMPHONY และวางแผนการย้ายระบบของคุณวันนี้!

สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE OA : @symphonycomm

DDoS จากอุปกรณ์ IoT ภัยคุกคามใหม่บนโลกไซเบอร์

การโจมตีทางไซเบอร์แบบ Distributed Denial of Service (DDoS) กำลังพัฒนาและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การตรวจจับและป้องกันยากขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น การโจมตีเหล่านี้มักมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งถูกควบคุมจากระยะไกลด้วย botnet ที่เป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กเพื่อใช้โจมตี

ในปี 2023 รายงานจาก Nokia พบว่าการโจมตี DDoS จาก botnet ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การแพร่หลายของอุปกรณ์ IoT ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบปรับอากาศและไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล โปรโตคอล และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้น 

เทคนิคการโจมตีที่ทันสมัย การโจมตีด้วย DDoS รูปแบบใหม่ๆ ตรวจจับได้ยากขึ้น เนื่องจากสามารถมาจากทั้งภายนอกและภายในเครือข่าย ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล (Volumetric) โปรโตคอล (Protocol) และแอปพลิเคชัน (Application-layer) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและการจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจและองค์กร เนื่องจากการโจมตีเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรบกวนเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้หลายล้านคน ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) และองค์กรต่างๆ สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย DDoS ได้มากกว่า 100 ครั้งในแต่ละวัน แต่การโจมตีที่ถูกตรวจจับได้ถือเป็นเพียงส่วนน้อย เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับการโจมตีได้ทั้งหมด

แนวทางป้องกันการโจมตีจาก DDoS 

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์: ควรอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  2. ใช้ Firewall ที่มีประสิทธิภาพ: การติดตั้งและกำหนดค่า Firewall ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยตรวจสอบและปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์ได้
  3. ลงทุนในโซลูชันป้องกัน DDoS: การใช้บริการหรือโซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันการโจมตี DDoS จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้
  4. เสริมความปลอดภัยของผู้ใช้งานทั่วไป: ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี และระมัดระวังลิงก์หรือไฟล์ที่น่าสงสัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี

คำอธิบายศัพท์เทคนิค

DDoS: การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service คือการส่งข้อมูลมหาศาลไปยังเป้าหมายพร้อมกันจากหลายแหล่ง เพื่อทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ

Botnet: เครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กและควบคุมจากระยะไกล เพื่อใช้ในการโจมตี DDoS หรือกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายอื่นๆ

GitHub: แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการจัดเก็บและแชร์โค้ดโปรแกรม ซึ่งบางครั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลหรือโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการเจาะระบบ

การโจมตี DDoS จากอุปกรณ์ IoT ในปัจจุบันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การป้องกันและตรวจจับเป็นเรื่องยาก ธุรกิจและองค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อปกป้องเครือข่ายและข้อมูล

📌 ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ
ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th
📱 Line Official: @symphonycomm