Symphony Communication Public Company Limited

Blog

SYMPHONY Managed Firewall Service: บริการดูแลและบริหารจัดการ Firewall แบบครบวงจร

องค์กรของท่านกำลังประสบปัญหาข้อจำกัดด้านบุคคลากรในการบริหารจัดการความปลอดภัยของระบบเครือข่ายอยู่หรือไม่ ?

Managed Firewall เป็นบริการเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดดังกล่าว ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเสริมความปลอดภัย และสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย : ลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์ Firewall
  • เสริมความปลอดภัย : ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานระบบเครือข่าย : กำหนดลำดับความสำคัญของแอปพลิเคชั่น จำกัดการใช้งานของแอปพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นต่อองค์กร
  • จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ : เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายได้ตามข้อกำหนด
  • จัดทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ : เพื่อเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน ปรับปรุง วิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์และเเนะนำวิธีป้องกัน
  • ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ : บริหารจัดการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง

รับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญของ SYMPHONY เพื่อวางแผนด้านความปลอดภัยขององค์กรคุณได้แล้ววันนี้!

สามารถติดต่อเราได้ที่ Salessecurity@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE Official: @symphonycomm

ปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรด้วยบริการสำรองข้อมูลครบวงจรจาก SYMPHONY CLOUD

ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุด การสูญหายของข้อมูลไม่เพียงทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นต่อองค์กร ดังนั้นการมีระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นการลงทุนที่จำเป็นและไม่ควรมองข้าม

ทำไมต้องเลือกบริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD?

1. โซลูชั่นการสำรองข้อมูลที่ครบวงจร

บริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD ได้รับการดูแลและบริหารจัดการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พร้อมรองรับการสำรองข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด

2. การกู้คืนที่รวดเร็วและยืดหยุ่น

ผู้ใช้บริการสามารถกู้คืนไฟล์ได้ด้วยตัวเองผ่าน Self-Service Portal ทำให้การกู้คืนข้อมูลเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

3. ดูแลอย่างมืออาชีพ

ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลดำเนินไปอย่างราบรื่น

4. ความยืดหยุ่นในการปรับทรัพยากรตามความต้องการ

บริการสำรองข้อมูลมีความยืดหยุ่นในการรองรับการปรับเปลี่ยนทรัพยากรตามความต้องการขององค์กร

เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลบข้อมูลโดยไม่ตั้งใจและการโจมตีทางไซเบอร์หากไม่มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี ดังนั้นบริการสำรองข้อมูลของ SYMPHONY CLOUD จะช่วยให้องค์กรของท่านสามารถฟื้นฟูข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง

คำถามที่พบบ่อย

ถาม: SYMPHONY CLOUD เข้าถึงข้อมูล M365 ของผู้ใช้บริการได้หรือไม่?

ตอบ: ข้อมูล credential สำหรับเข้าถึงข้อมูล M365 ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ดูแลระบบของผู้ใช้บริการเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า SYMPHONY ในฐานะผู้ให้บริการสำรองข้อมูลจะไม่มีข้อมูลดังกล่าว ทำให้การรักษาความปลอดภัยและการจัดการสิทธิ์อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้บริการแต่เพียงผู้เดียว

ถาม: หากต้องการกู้คืนไฟล์หรือข้อมูลบางอย่าง ผู้ใช้บริการสามารถทำเองได้หรือไม่?

ตอบ: SYMPHONY CLOUD มีระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการรีสโตร์ข้อมูลหรือไฟล์ใน Microsoft 365 ได้ด้วยตัวเองผ่าน Portal เพื่อความรวดเร็วในการกู้คืนข้อมูล

————————————————————

อย่าปล่อยให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรเสี่ยงต่อการสูญหาย ติดต่อ SYMPHONY  วันนี้พร้อมรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญ

สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE Official : @symphonycomm

การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตี DDoS

ในโลกดิจิทัลที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ, การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ  ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ( Artificial Intelligence) ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้จากพฤติกรรมของข้อมูลเพื่อระบุรูปแบบการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

การทำงานของ AI ในการตรวจจับ DDoS:

ระบบ AI ใช้การเรียนรู้ของเครื่องมือและอัลกอริธึมต่างๆ เพื่อระบุและจำแนกการโจมตี DDoS จากการใช้งานปกติบนเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบนี้สามารถวิเคราะห์ลักษณะของการใช้งานเครือข่ายในช่วงเวลาสั้นๆ และตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการโจมตี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ AI ในการป้องกัน DDoS: 

ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ AI สามารถปรับปรุงการตอบสนองต่อการโจมตี DDoS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจจับและการแจ้งเตือนที่รวดเร็วช่วยลดโอกาสในการเกิดความเสียหายและกระทบกระเทือนต่อเครือข่าย นอกจากนี้ AI ยังสนับสนุนในการพัฒนาแผนการป้องกันที่ชาญฉลาดและเฉพาะเจาะจงแบบต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและปรับตัวต่อการโจมตีได้ดียิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้ AI ในโลกจริง: 

ในการป้องกันเครือข่าย การใช้ AI ไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ที่การตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนในการป้องกันภัยคุกคามในอนาคต นี่คือการปฏิวัติวิธีการปกป้องเครือข่ายที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันเครือข่ายและดำเนินการธุรกิจได้อย่างราบรื่น ด้วยความสามารถนี้ การป้องกันการโจมตีจาก DDoS กลายเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้เครือข่ายของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามที่อาจสร้างความเสียหายได้ในอนาคต

การนำมาใช้ในเครือข่ายของเรา Symphony: 

บริษัท Symphony ของเราได้นำเทคโนโลยี AI และ ML จาก Nokia Deepfield Cloud Genome และ  Secure Genome ในการตรวจสอบ วิเคราะห์และป้องกันการโจมตีแบบ DDoS มาใช้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเรา เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบเครือข่าย ด้วยความสามารถของ AI ในการทำหน้านี่วิเคราห์เชิงลึก รวมถึงการประยุกต์ใช้ machine learning  ในระบบโครงข่าย ทำให้เราสามารถตรวจจับการโจมตีแบบ DDoS ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพของเครือข่ายที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าของเรา

📌 ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ 

ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th

Connect Your Business Worldwide with Symphony Communication

ในยุคที่โลกไร้พรมแดน การมีเครือข่ายที่เสถียรและรวดเร็วถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพาธุรกิจเติบโตสู่ระดับสากล บริการ International Network Connectivity จาก Symphony Communication ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และเกตเวย์ระหว่างประเทศ 8 แห่ง รวมถึงจุดให้บริการ (POP) 2 จุดในสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลก ช่วยให้ธุรกิจของคุณเชื่อมต่อข้ามพรมแดนได้อย่างเสถียรและราบรื่น เพื่อรองรับทุกความต้องการในยุคดิจิทัล 

8 เกตเวย์ระหว่างประเทศ เชื่อมโยงประเทศไทยกับเครือข่ายสากล 

Symphony Communication ให้บริการเกตเวย์ระหว่างประเทศ 8 แห่ง เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายสากล ผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายและปลอดภัย ด้วยการเชื่อมต่อที่มีความจุสูง ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักทั่วโลกหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามทวีปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกตเวย์เหล่านี้รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วและปลอดภัย เพื่อตอบสนองการดำเนินงานระดับโลกทุกประเภท 

2 จุดให้บริการ (POP) ในต่างประเทศ: สิงคโปร์และฮ่องกง 

Symphony Communication มีจุดให้บริการ (Point of Presence: POP) ตั้งอยู่ในสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสื่อสารที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย POP เหล่านี้ช่วยให้การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพสูง ด้วยเส้นทางการเชื่อมต่อที่สั้นและตรงไปยังจุดหมาย ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเครือข่ายทั่วโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

การมี POP ในสิงคโปร์และฮ่องกงทำให้ Symphony Communication สามารถให้บริการที่มีความหน่วงต่ำ (low latency) และความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อผ่านเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงโดยตรงไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ยังเสริมให้การเชื่อมต่อมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 

ทำไมต้องเลือก Symphony Communication สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ? 

ความน่าเชื่อถือและความต่อเนื่อง: ด้วยเส้นทางและเกตเวย์ที่หลากหลาย Symphony มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างประเทศของคุณจะมีความเสถียรในทุกสถานการณ์ 

ความเร็วสูงสุด: เครือข่ายของเราออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่ใช้แบนด์วิธสูง เช่น คลาวด์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

โซลูชันเฉพาะธุรกิจ: บริการของเราปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานในระดับโลก 

สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพด้วยเครือข่ายคุณภาพสูงจาก Symphony Communication ขยายธุรกิจของคุณไปสู่ระดับสากลได้อย่างง่ายดาย และขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จด้วยโซลูชันที่รวดเร็วและเสถียร 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  

หมายเลข 02 101 1111 

LINE Official: @symphonycomm

DDoS จากอุปกรณ์ IoT ” ภัยคุกคามใหม่บนโลกไซเบอร์

การโจมตีทางไซเบอร์แบบ Distributed Denial of Service (DDoS) กำลังพัฒนาและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การตรวจจับและป้องกันยากขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น การโจมตีเหล่านี้มักมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งถูกควบคุมจากระยะไกลด้วย botnet ที่เป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กเพื่อใช้โจมตี

ในปี 2023 รายงานจาก Nokia พบว่าการโจมตี DDoS จาก botnet ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การแพร่หลายของอุปกรณ์ IoT ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบปรับอากาศและไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล โปรโตคอล และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้น 

เทคนิคการโจมตีที่ทันสมัย การโจมตีด้วย DDoS รูปแบบใหม่ๆ ตรวจจับได้ยากขึ้น เนื่องจากสามารถมาจากทั้งภายนอกและภายในเครือข่าย ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล (Volumetric) โปรโตคอล (Protocol) และแอปพลิเคชัน (Application-layer) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและการจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจและองค์กร เนื่องจากการโจมตีเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรบกวนเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้หลายล้านคน ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) และองค์กรต่างๆ สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย DDoS ได้มากกว่า 100 ครั้งในแต่ละวัน แต่การโจมตีที่ถูกตรวจจับได้ถือเป็นเพียงส่วนน้อย เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับการโจมตีได้ทั้งหมด

แนวทางป้องกันการโจมตีจาก DDoS 

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์: ควรอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  2. ใช้ Firewall ที่มีประสิทธิภาพ: การติดตั้งและกำหนดค่า Firewall ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยตรวจสอบและปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์ได้
  3. ลงทุนในโซลูชันป้องกัน DDoS: การใช้บริการหรือโซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันการโจมตี DDoS จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้
  4. เสริมความปลอดภัยของผู้ใช้งานทั่วไป: ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี และระมัดระวังลิงก์หรือไฟล์ที่น่าสงสัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี

คำอธิบายศัพท์เทคนิค

DDoS: การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service คือการส่งข้อมูลมหาศาลไปยังเป้าหมายพร้อมกันจากหลายแหล่ง เพื่อทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ

Botnet: เครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กและควบคุมจากระยะไกล เพื่อใช้ในการโจมตี DDoS หรือกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายอื่นๆ

GitHub: แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการจัดเก็บและแชร์โค้ดโปรแกรม ซึ่งบางครั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลหรือโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการเจาะระบบ

การโจมตี DDoS จากอุปกรณ์ IoT ในปัจจุบันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การป้องกันและตรวจจับเป็นเรื่องยาก ธุรกิจและองค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อปกป้องเครือข่ายและข้อมูล

ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th

Line Official: @symphonycomm

ป้องกันองค์กรจากการโจมตี DDoS ด้วยการผสานเทคโนโลยีหลากหลาย

ในยุคที่การโจมตี DDoS มีความซับซ้อนและทวีความรุนแรงขึ้น โซลูชันความปลอดภัยแบบเก่าอาจไม่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป การผสานเทคโนโลยีหลายรูปแบบเข้าด้วยกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ปกป้ององค์กรจากการโจมตี DDoS ที่อาจทำให้ระบบหยุดชะงักและก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ

ในอดีต ผู้ให้บริการใช้ศูนย์คัดกรองข้อมูล (Scrubbing Centers) เพื่อป้องกันการโจมตี DDoS โดยกรองข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย หากพบว่าเป็นอันตรายจะถูกลบทิ้ง วิธีการนี้ประสบความสำเร็จและสามารถป้องกันการโจมตีในรูปแบบเดิมได้ดี แต่ด้วยการโจมตี DDoS ที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ขึ้น การตรวจจับและจัดการกลายเป็นเรื่องยากขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีที่ใช้ botnet ควบคุมอุปกรณ์ IoT ที่มีการปลอมแปลงที่อยู่ IP และส่งข้อมูลที่ถูกต้องตามโปรโตคอล ทำให้ Scrubber รุ่นเก่าไม่สามารถตรวจจับได้เพื่อรับมือกับการโจมตี DDoS ที่ซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบจะช่วยให้สามารถรับมือกับการโจมตี DDoS ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเตรียมพร้อมและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องระบบและข้อมูลขององค์กรจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น

การผสมผสานเทคโนโลยีหลายรูปแบบ

·       Behavioral Analytics: วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานและระบบ เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งบอกถึงการโจมตี

·       Threat Intelligence: ใช้ข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามเพื่อระบุรูปแบบการโจมตีที่กำลังเกิดขึ้น

·       Automation: ใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว

·       Cloud-based Security: ใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของคลาวด์ และความสามารถในการปรับขนาด เพื่อรองรับการโจมตีที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน

การพัฒนา ML Model (Machine learning) ที่มีความเฉพาะเจาะจง

  •  การฝึกอบรมโมเดลด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพสูง: ข้อมูลที่ใช้ในการฝึกอบรมโมเดลควรมีความหลากหลายและครอบคลุมรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกัน
  •  การปรับปรุงโมเดลอย่างต่อเนื่อง: โมเดล ML ควรได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคนิคการโจมตี
  • การใช้เทคนิค Deep Learning: เทคนิค Deep Learning สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนและค้นพบรูปแบบที่ซ่อนอยู่
  • ความร่วมมือระหว่างองค์กร: การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับภัยคุกคามระหว่างองค์กรต่างๆ จะช่วยให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้เร็วขึ้น
  •  การพัฒนามาตรฐานร่วมกัน: การมีมาตรฐานร่วมกันจะช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  •  การให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT
  •  การอัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกนำมาใช้ในการโจมตี
  • การใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์
  • การจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้อย่างเต็มที่

การรับมือกับการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service) รุ่นใหม่นั้นเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง การโจมตีเหล่านี้มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น และมักมุ่งเป้าไปที่หลายอุตสาหกรรมและองค์กรซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรง เมื่อการโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น วิธีการป้องกันแบบเดิมก็ไม่เพียงพออีกต่อไป

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามที่พัฒนาขึ้นเหล่านี้คือ การผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ และการพัฒนา ML Model (Machine Learning) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุและลดผลกระทบของการโจมตี DDoS โดยเฉพาะ,  การทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร และการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT เพื่อปกป้องระบบจากภัยคุกคามที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ
ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th
📱 Line Official: @symphonycomm

เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจด้วยบริการ Cloud

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยี Cloud ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันของธุรกิจ ในบทความนี้แสดงให้เห็นว่าบริการ Cloud สามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้าง

1. เพิ่มความยืดหยุ่นและรองรับการขยายตัว

บริการ Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดขนาดของทรัพยากรที่ต้องการใช้งานได้ตามความต้องการ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ด้วยจุดเด่นที่สามารถเพิ่มทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อธุรกิจต้องการเพิ่มทรัพยากรในช่วงเทศกาลหรือโปรโมชันพิเศษ ก็สามารถปรับขนาดได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ใหม่

2. เพิ่มความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล

บริการ Cloud มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด อาทิ การป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์และการสูญหายของข้อมูล

3. เพิ่มประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งาน

บริการ Cloud ถูกออกแบบให้สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ระบบไอทีขององค์กรไม่หยุดชะงักและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

4. การลดภาระการดูแลระบบ

บริการ Cloud ช่วยลดภาระในการดูแลและจัดการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นในการพัฒนาธุรกิจและทักษะของบุคลากรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สรุปการใช้ Cloud ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร แต่ยังช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากองค์กรของคุณยังไม่ได้ใช้งาน Cloud นี่คือเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

รับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญของ SYMPHONY และวางแผนการย้ายระบบของคุณวันนี้!

สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111

LINE OA : @symphonycomm

DDoS จากอุปกรณ์ IoT ภัยคุกคามใหม่บนโลกไซเบอร์

การโจมตีทางไซเบอร์แบบ Distributed Denial of Service (DDoS) กำลังพัฒนาและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การตรวจจับและป้องกันยากขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น การโจมตีเหล่านี้มักมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยซึ่งถูกควบคุมจากระยะไกลด้วย botnet ที่เป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กเพื่อใช้โจมตี

ในปี 2023 รายงานจาก Nokia พบว่าการโจมตี DDoS จาก botnet ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การแพร่หลายของอุปกรณ์ IoT ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไปจนถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบปรับอากาศและไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล โปรโตคอล และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้น 

เทคนิคการโจมตีที่ทันสมัย การโจมตีด้วย DDoS รูปแบบใหม่ๆ ตรวจจับได้ยากขึ้น เนื่องจากสามารถมาจากทั้งภายนอกและภายในเครือข่าย ผู้โจมตีใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ผสมผสานการโจมตีทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล (Volumetric) โปรโตคอล (Protocol) และแอปพลิเคชัน (Application-layer) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้การป้องกันและการจัดการภัยคุกคามยากและท้าทายมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจและองค์กร เนื่องจากการโจมตีเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรบกวนเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีผู้ใช้หลายล้านคน ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) และองค์กรต่างๆ สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย DDoS ได้มากกว่า 100 ครั้งในแต่ละวัน แต่การโจมตีที่ถูกตรวจจับได้ถือเป็นเพียงส่วนน้อย เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับการโจมตีได้ทั้งหมด

แนวทางป้องกันการโจมตีจาก DDoS 

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์: ควรอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  2. ใช้ Firewall ที่มีประสิทธิภาพ: การติดตั้งและกำหนดค่า Firewall ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยตรวจสอบและปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์ได้
  3. ลงทุนในโซลูชันป้องกัน DDoS: การใช้บริการหรือโซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันการโจมตี DDoS จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้
  4. เสริมความปลอดภัยของผู้ใช้งานทั่วไป: ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี และระมัดระวังลิงก์หรือไฟล์ที่น่าสงสัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี

คำอธิบายศัพท์เทคนิค

DDoS: การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service คือการส่งข้อมูลมหาศาลไปยังเป้าหมายพร้อมกันจากหลายแหล่ง เพื่อทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ

Botnet: เครือข่ายของอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กและควบคุมจากระยะไกล เพื่อใช้ในการโจมตี DDoS หรือกิจกรรมที่ไม่ถูกกฎหมายอื่นๆ

GitHub: แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการจัดเก็บและแชร์โค้ดโปรแกรม ซึ่งบางครั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลหรือโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการเจาะระบบ

การโจมตี DDoS จากอุปกรณ์ IoT ในปัจจุบันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การป้องกันและตรวจจับเป็นเรื่องยาก ธุรกิจและองค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อปกป้องเครือข่ายและข้อมูล

📌 ซิมโฟนี่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะกับองค์กรของคุณ
ติดต่อ 02 101 1111 หรือ E-mail : salesecurity@symphony.net.th
📱 Line Official: @symphonycomm

Migrate to SYMPHONY CLOUD: One-stop solution for a seamless migration

Is your current system is inflexible to support your business growth? 

SYMPHONY CLOUD offers the migration solution for moving your  workload to the cloud. Unlocked to move your system to the cloud seamlessly.

  • Migrate On-Premise Systems to SYMPHONY CLOUD : Minimizing VMware License fee and maintenance cost for legacy system. Boost your IT team’s efficiency and productivity.  Reduce VMware licensing expenses and maintenance hardware cost. Enhance the efficiency and productivity of your IT team.
  • Migrate from Other Cloud Providers to SYMPHONY CLOUD : Deliver the excellent experience in Cloud Services covering IaaS, Disaster Recovery, Backup including Local and International Network Connectivity with expertise 24/7
  • Expanding On-Premise to Hybrid Cloud : Enhance flexibility for business expansion through direct connect for integrating your infrastructure to both of Local and Public Cloud environment with SYMPHONY CLOUD services.

Get Your Free Consultation Today! Our SYMPHONY experts are ready to provide a free consultation and help you plan your smooth system migration today!

Contact Us:

  • Email: Cloud@symphony.net.th
  • Phone: 02 101 1111
  • LINE OA: @symphonycomm

องค์กรของท่านกำลังกังวลกับค่า License VMware อยู่ใช่ไหม?

VMware vSphere เป็นแพลตฟอร์ม Virtualization ที่องค์กรทั่วโลกไว้วางใจ ด้วยความสามารถในการจัดการทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์อย่างมีประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายค่า License ที่เกิดขึ้นกำลังสร้างความกังวลให้กับหลายองค์กร เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่องบประมาณด้านไอที และอาจนำไปสู่การชะลอแผนพัฒนาโครงโครงการไอทีต่างๆ

การย้ายระบบขององค์กรขึ้น Local Cloud จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่มาพร้อมข้อดีมากมาย เพื่อให้ท่านสามารถใข้งาน VMWare Virtualization ได้อย่างคล่องตัว

✅ ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ: จ่ายเฉพาะที่ใช้ ลดภาระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่จากการลงทุนใน Subscription License และค่าบำรุงรักษาระบบ

✅ ไม่ต้องกังวลเรื่อง License อีกต่อไป: หมดปัญหา License หมดอายุ หรือ License ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรได้ตามต้องการ

✅ ยืดหยุ่น ปรับขนาดได้ตามต้องการ: รองรับการเติบโตของธุรกิจได้ไม่มีสะดุด ไม่ต้องกังวลเรื่องการขยายระบบในอนาคต

✅ ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้: มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล ด้วยระบบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ การย้ายระบบขึ้น Cloud ยังช่วยให้ท่านเข้าใช้งานระบบได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน ลดภาระงานของทีม IT ทำให้ทีมงานสามารถโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า และได้มีเวลาในการพัฒนาทักษะอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจขององค์กร

SYMPHONY CLOUD คือผู้ให้บริการ Cloud ที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ License VMware Cloud Service Provider (VCSP) ผ่านบริษัทในเครือที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพันธมิตรระดับ Premier Partner ของ VMware by Broadcom อย่างเป็นทางการ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อหา Solution VMware บน Cloud ที่เหมาะสมกับขนาดและความต้องการของธุรกิจของท่าน ได้แล้ววันนี้!

สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud@symphony.net.th หรือหมายเลข 02 101 1111